บันทึกการเดินทาง ดอยอินทนนท์ สู่จังหวัดเชียงใหม่ 28 ธันวาคม 2023

ตื่นเช้าวันนี้ มีภารกิจเก็บเต้นท์และ Flyer ที่เราค่อนข้างภูมิใจว่ามารอบนี้กางเต้นท์และ flyer ได้ดี อีกอย่างคือที่ดอยอินทนนท์นี้ไม่ค่อยมีลม ทำให้เต้นท์ที่กาง โดนลมพัดน้อย เก็บเต้นท์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จนถึง 9.00 น.ก็เก็บเสร็จ จากนั้นก็อาบน้ำ แต่งตัว ขึ้นรถ และไปกินข้าวสาย ๆ ที่ร้านอาหารแถวหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเช่นเดิม

อาหารวันนี้คือ ข้าวต้มทะเล ซึ่งวานนี้กินแล้วอร่อย ก็เลยสั่งซ้ำ พอกินเสร็จ ก็เตรียมตัวเดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนออกมา เห็นว่าหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เริ่มมีคนมากางเต้นท์มากขึ้นแล้ว เพราะทุกปี ตั้งแต่ประมาณในช่วงวันที่ 25 ธันวาคม ถึง ปีใหม่ ที่ลานหญ้าหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จะเปิดให้มีการมากางเต้นท์ในโซนนี้ได้ และในโซนนี้ก็จะมีการตั้งซุ้มขายสินค้า และมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ร้องเพลง จากน้อง ๆ ที่โรงเรียนชาวเขาใกล้ ๆ (อ่านตามเพจอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มา) แต่ส่วนตัวดูแล้ว ตอนกลางวันน่าจะร้อนเพราะไม่มีที่บังแดดเหมือนกับที่ลางกางเต้นท์ดงสน ที่ยังพอมีต้นสนเป็นร่มเงาบ้าง ที่กางเต้นท์ตรงนี้จึงน่าจะเหมาะกับคนชอบสายกิจกรรม ซื้อของ ฟังเพลง ส่วนคนที่ชอบเงียบ ๆ น่าจะไปลานกางเต้นท์โชนดงสนมากกว่า

เราเดินทางออกจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กลับเข้าไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ ด้วยใจที่คาดหวังเป็นอย่างมากว่า วันนี้เราจะได้ไม่ต้องอาบน้ำเย็น จนกลายจะเป็นน้ำแข็งอีกแล้ว

ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ๆ โดยตอนแรกกะว่าจะไปแวะกินข้าวแถว ๆ ใกล้ ๆ คูเมือง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าที่พักก่อน ซึ่งที่พักตลอด 3 คืน ที่เราจะพักกันที่เชียงใหม่ คือ ที่ โรงแรมโลตัส กาดสวนแก้ว ซึ่งเคยได้ยินมานาน พอถึงที่โรงแรม เห็นสภาพก็พอรับได้ เพราะเป็นโรงแรมเก่า คู่กับเมืองเชียงใหม่มานาน ทำให้เราคิดถึงโรงแรมท๊อปแลนด์ จ.พิษณุโลกที่เราเคยไปพักในทริปก่อน

พอเข้า check in ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ก็ได้ห้องพัก ชั้น 9 วิวเห็นดอยสุเทพ เปลี่ยนเสื้อผ้า เรียบร้อยเตรียมออกไปหาข้าวกิน ก็เจอปัญหาที่พัก ซึ่งเราต้องเจอตลอด 3 คืน ที่พักอยู่นั่นคือ โถส้วม เมื่อกดแล้ว ก็มีน้ำไหลอยู่ตลอด ซึ่งในตอนแรกเราก็คิดว่า เป็นเพราะโรงแรมปรับแรงดันน้ำ กลัวว่าน้ำไม่แรง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ก็โทรหาเคาน์เตอร์ด้านล่างแจ้งไป 2-3 รอบ รวมถึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดที่ชั้นเราด้วย ปรากฎว่า เขาแจ้งว่าให้ออกไปทำธุระก่อนได้เลย จะแจ้งให้ช่างมาซ่อมให้ตอนที่เราไม่อยู่ เราเลยวางใจออกไปกินข้าวก่อน

สถานที่กินข้าวของเราก็คือห้าง MaYa Chiangmai ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก เห็นเพื่อนบอกว่า เป็นห้างใหญ่ในเชียงใหม่ ซึ่งเดินดูแล้วก็ถือว่าใหญ่จริง สำหรับเมืองหัวเมือง อย่างจ.เชียงใหม่ แต่ถ้าเทียบกับที่กรุงเทพก็ถือว่า ยังมีห้างที่ใหญ่กว่าอยู่อีกหลายห้าง และเท่าที่สังเกตคือมีนักท่องเที่ยว มาท่องเที่ยวเยอะขึ้น และไม่ใส่หน้ากากอนามัยแล้ว พอกินข้าวเสร็จ ตอนแรกก็กะว่าจะไปไหว้พระในวัดแถวในกำแพงเมืองแต่ปรากฎว่ารถติด เลยเปลี่ยนใจกลับเข้าที่พักแล้วเราจะไปเดินเล่น หาขนมและของกินแถวถนนนิมมานท์ ซึ่งอยู่ไม่ไกล เดินไปไหว

กลับเข้าที่พัก ปรากฎว่าปัญหาชักโครกกดน้ำแล้วไหลไม่หยุดช่างได้มาซ่อมให้แล้ว แต่พอใช้จริง กดน้ำจริง น้ำก็ไหลวนใหม่ เราเลยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ใหม่ แล้วออกไปเดินเล่นต่อถนนนิมมานท์ก่อน

ออกจากโรงแรม เดินมาประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางก็ผ่านร้านคาเฟ่ ต่าง ๆ มา จนถึงถนนนิมมานท์ ซึ่ง แสงสีก็ทำให้เราเห็นว่าใช่ ถนนคนเดิน แต่ก็มีรถวิ่งอยู่เยอะ และหาที่จอดรถยาก ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อดีของการพักโรงแรมเราที่ยังพอเดินไหว ถึงแม้ว่าจะออกแรงอยู่บ้างก็ตาม

มื้อเย็นกินข้าวไม่แพง ตามที่หามาจากใน google map แต่ก่อนมาถึงร้านข้าวก็เล็งร้านนมมนต์ เชียงใหม่ไว้แล้ว เห็นว่าคนไม่เยอะ จึงกินข้าวไม่มาก เผื่อท้องไว้สำหรับกินขนมปังที่ร้านนมมนต์ กินเสร็จก็เดินกลับเข้าที่พัก

กลับมาที่ห้อง คาดหวังว่าช่างจะมาซ่อม แต่ปรากฎว่าช่างไม่มาซ่อม แต่เราเห็นว่าดึกแล้วเกรงว่าจะเสียเวลานอนก็เลยตัดสินใจปิดห้องน้ำให้เสียงชักโครกเบาลง แล้วก็แยกย้ายกันนอน คิดเสียว่าเป็นเสียงน้ำตก

คืนนี้จบด้วยการฟังเสียงชักโครก ที่คิดว่าเป็นเสียงน้ำตกตลอดทั้งคืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *