วันนี้วันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่เฉิงตู และวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ประเทศจีน ในการเที่ยวรอบนี้ วันนี้เป้าหมายของเราคือการเดินทางไปยัง สนามบินนานาชาติเทียนฝู ซึ่งตอนแรกเรากะว่าจะใช้รถบริการชัทเติ้ลบัส แบบที่เราไปที่แพนด้าจีตี้ แต่ด้วยการคำนวนเวลาที่ไม่แน่นอน และราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินที่ค่อย ๆ แบกกระเป๋า หิ้วไปเรื่อย ๆ ก็เลยตัดสินใจไปทางรถไฟฟ้าใต้ดิน
ตอนเช้าเราก็ไปกินข้าวที่ด้านล่างของโรงแรม และซื้ออาหารเช้าราคา 20 หยวนเหมือนเดิม อ้อ เรายังส่งเสื้อผ้าไปซักทุกวัน และเช้าวันสุดท้ายเราก็ยังไปเก็บเสื้อผ้าเหมือนเดิม ก่อนขึ้นมาเก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์จากโรงแรม
จากโรงแรม เราเดินทางเริ่มต้นจากสถานี ทงฮุ่ยเหมิน ไปทางเฉิงตูตง จากนั้น ก็จะเดินทางไปที่สนามบินต่อ
บนรถไฟฟาใต้ดิน ยังมีคนเยอะเหมือนเดิม ได้ยินเสียงคนไทย ตอนขากลับด้วย แต่พลาดกัน เพราะตู้รถไฟที่เรายืนรอมีคนเยอะ คนด้านในไม่หลบเลยขึ้นไม่ได้ เราเลยรอขบวนถัดไป
รถไฟใต้ดินที่พาเราไปที่สนามบิน ผ่านจากสถานีใจกลางเมือง ไปถึงชานเมือง จำได้ว่ามีสถานีหนึ่ง เป็น สถานี Incubation หรือบ่มเพาะธุรกิจ ที่สถานีนี้สังเกตว่า มีวัยรุ่น สายไอที แต่งตัวดูรู้เลยว่า เป็นพวก Start up แล้วก็ชื่นชมอยู่ในใจว่า จีนเขามีแบ่งโซนสำหรับบ่มเพาะธุรกิจ และสตาร์ทอัพโดยตรงเลย
ผ่านจากสถานีนั้นไป คนก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ เราต้องไปลงที่สถานีก่อนถึงสนามบินประมาณ 2 สถานีเพื่อเปลี่ยนรถไฟที่จะเข้าไปถึงสนามบินโดยตรง ทุลักทุเล เรื่องกระเป๋าพอสมควร แต่ก็ผ่านไปได้
พอถึงสนามบิน ก็ทำการค้นหาว่าจะไป Check-in ได้ที่ไหน พอดีว่า ขากลับเราเลือก flight ของ China Eastern แทนที่ตอนแรก จะเลือกเป็น Sichuan Airline เพราะราคาตั๋วไม่ค่อยต่างกัน ปรากฎว่า แถวของ China Eastern คนต่อแถวน้อยกว่ามาก
ในสนามบิน ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก พอ Check in ได้ Boarding pass เสร็จ ก็เดินไปที่ใกล้ ๆ gate ระหว่างทางก็มองหาของกิน แต่ร้านไม่ค่อยมี และไม่ค่อยน่าสนใจ สุดท้าย ไปจบกินมาม่า กระป๋อง อยู่หน้า gate และใช้เงินใน Alipay หยอดตู้อัตโนมัติเพื่อซื้อขนม น้ำอัดลมเพื่อใช้ให้เงินเหลือน้อย จะได้ไม่ต้องไปเสียส่วนต่างตอนแลกเปลี่ยนคืน
เรานั่งรอที่หน้า gate จนถึงเวลา จึงเดินเข้าเครื่อง
ความประทับใจในการใช้บริการของ China Eastern คือ พนักงานต้อนรับทำงานมืออาชีพแบบเงียบ ๆ ไม่โวยวาย
เพื่อนที่มาด้วยกัน ชี้ให้เห็น ว่ามีพนักงานต้อนรับชายคนหนึ่งเหมือนมีกล้องเล็ก ๆ ติดที่หน้าอก เดินไปตลอดเครื่องเหมือนตรวจความเรียบร้อย ก่อนขึ้นเครื่อง แถมมีพนักงานต้อนรับผู้หญิงอาวุโสหน่อย คอยเช็ครอบสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องแบบเงียบ ๆ ไม่วุ่นวาย แต่ดูเป็นมืออาชีพ
ส่วนที่นั่งที่เรานั่ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ว่ารู้สึกว่ามีพื้นที่กว้างกว่า สายการบิน โลว์คอส โดยทั่วไป
ส่วนเรื่องการเสิร์ฟอาหาร ถือได้ว่าจัดการเรื่องการเสิร์ฟอาหารดีเป็นระบบ เนื่องจากไฟลท์ที่เราบินเป็นช่วงบ่าย จึงไม่ได้เป็นอาหาร แต่เป็นขนมปัง และพวกน้ำในมื้อบ่ายแทน ซึ่งน้ำก็เลือกได้ว่าเป็นน้ำชา น้ำอัดลม ฯลฯ ส่วนขนมก็อร่อยพอใช้
นั่งอยู่บนเครื่องบิน จนเครื่องบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
พอลงจากเครื่องบิน ต้องถอดชุดกันหนาวทั้งหมด อุณหภูมิเปลี่ยนจากหนาวเป็นร้อน ซึ่งถือเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
ลงจากสนามบิน เจอความเป็นสุวรรณภูมิแบบเดิม ๆ แบบไม่ประทับใจ เพราะว่ามีรถไฟฟ้าพิเศษ มารับคนพิเศษที่เสียเงินในช่องทางคนเดินทั่วไป จนเกือบถูกรถชน และแสดงถึงความไม่เท่าเทียมมาก ๆ ถ้าจะมีรถไฟฟ้าสำหรับวีไอพี ควรกันเลนให้ชัดเจน แยกออกจากผู้ที่ลงมาและเดินทางเข้าเทอมินอลปกติ
อีกเรื่องคือ การนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมือง คิดถึงตอนลงที่ฉงชิ่ง มีรถไฟฟ้า เข้าเมืองค่อนข้างสะดวก แต่ในสนามบินสุวรรณภูมิค่อนข้างแออัด จะเข้าเมืองทำได้ยาก จะไปแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ก็ลำบาก จะไปรถแท๊กซี่ ก็กังวลว่าจะถูกเรียกเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ต้องกลับรถแท๊กซี่
จบการเดินทางจีนรอบนี้ ไม่รู้ว่าอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี จะได้ไปจีนอีก
ไจ้เจี้ยน