บันทึกการเดินทาง อ.เมือง พิษณุโลก ถึง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 26 ธันวาคม 2564

บันทึกการเดินทาง อ.เมือง พิษณุโลก ถึง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 26 ธันวาคม 2564

เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมา และได้ชมวิววัดวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ พิษณุโลก จากชั้น 10 โรงแรมท็อปแลนด์ ท้องฟ้าแจ่มใส อันที่จริงหากมีเวลาเราก็อยากไปสักการะพระพุทธชินราชอีกรอบ แต่เนื่องจากเวลามีจำกัด เพราะวันนี้เรามีแผนเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากตัวเมือง

เมื่อ Check out ออกจากโรงแรมแล้ว เราได้นำรถไปเติม NGV ครั้งสุดท้าย ก่อนออกจากตัวเมืองพิษณุโลกเพราะว่าหลังจากนี้จะไม่มีปั๊ม NGV อีกแล้ว เพราะเส้นทางที่ไปจาก พิษณุโลก ไปยังภูหินร่องกล้า ภูทับเบิก เขาค้อ ไม่มีปั๊ม NGV อีก

เมื่อเติม NGV พร้อม เราจึงเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งระหว่างเดินทางต้องยอมรับว่า ทางขึ้นอุทยานฯจากฝั่งพิษณุโลก ดีกว่าขึ้นฝั่งภูทับเบิกมาก เราเดินทางถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แล้ว ก็ตรงไปหาห้องน้ำก่อน ต้องยอมรับว่าคนน้อยมาก ตอนแรก รถของเราเป็นคันเดียวที่จอดที่ทางเข้า จากนั้น จึงมีรถจากกทม. อีก 2 คันตามมา

การเข้าอุทยานแห่งชาตินั้น ต้องแสดงผลการฉีดวัคซีน 2 เข็ม และจ่ายค่าเข้า ถามเจ้าหน้าที่อุทยาน บอกว่าในตอนที่เราเข้าไปนั้น มีคนเข้าลงทะเบียน ประมาณ 300 คนแล้ว ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเป็นจำนวนคนที่ลงทะเบียนเข้า แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีคนกางเต็นท์เท่าไร

เมื่อขับเข้าจากทางฝั่งพิษณุโลก จะผ่านจุดชมวิว ร่องกล้าฮั่นแน้ว ก่อน ซึ่งรถเราก็เกือบจะขับเลยแล้ว แต่ก็ตัดสินใจถอยรถกลับมาถ่ายรูป และถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เพราะวิวที่ร่องกล้าฮั่นแน้ว สร้างความประทับใจเมื่อแรกที่ถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

จากนั้นเราก็เดินทางต่อ ซึ่งจะถึงทางเข้าลานหินแตก ก่อนจะถึงลานกางเต็นท์ เมื่อแวะเข้าไปที่ทางเข้าลองถามคนที่เดินออกมาว่า จากป้าย เดินอีกไกลไหม ซึ่งได้คำตอบว่าไม่ไกล ขากลับต้องใช้แรงปีนขึ้นนิดหน่อย แต่เนื่องจากเรายังไม่ได้กางเต็นท์ในคืนนี้ จึงตัดสินใจขับรถมายังลานกางเต็นท์ก่อน

บรรยากาศ ลานกางเต็นท์ ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ที่ทางเข้า จริง ๆ ต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานมาเก็บค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน แต่เนื่องจากในตอนที่ถึง เวลาประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว เราไม่เห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับรถมองหาทำเลกางเต็นท์ก่อน ขับรถวนอยู่ 3 รอบ จึงได้ทำเลกางเต็นท์ อยู่ใกล้ห้องน้ำ

โดยสถานที่กางเต็นท์ ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้านั้น จะแบ่งเป็น ที่ป่าสน และที่ลานหิน โดยหากกางที่ป่าสน จะได้ร่มเงาจากป่าสน ทำให้ไม่ร้อนแต่ก็ต้องระวังพวกลูกสนและกิ่งไม้ให้ดี ส่วนหากไปกางที่ลานหินนั้นจะสามารถเห็นดาวได้ชัดกว่าในเวลากลางคืน แต่ตอนเช้าจะร้อนเพราะไม่มีป่าสน

ส่วนเราตัดสินใจ กางเต็นท์ที่ป่าสน ใช้เวลากางเต็นท์ เกือบ 2 ชั่วโมง เพราะมัวแต่ขับรถหาทำเลเกือบ 3 รอบ แถมยัง Download App เข็มทิศมาดู จนได้ทำเลหันหลังเต้นท์ไปทางทิศใต้ (ลมเข้า) และหน้าเต็นท์ไปทางทิศเหนือ และสะดวกเดินเข้าห้องน้ำพอดี

ในตอนกลางเต็นท์เนื่องจากเราเป็นมือใหม่ ไม่เชี่ยวชาญเรื่องกางเต็นท์ จึงถือโอกาสนี้ขอบคุณเต้นท์ที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่พ่อ ลูกที่เสนอให้เชือกฟางเรา และคู่หนุ่มสาว ที่ช่วยสอนเราเรื่องการตอกหมุดตรึงเต้นท์ จนในที่สุดก็กางเต็นท์สำเร็จสมใจ

เมื่อกางเต็นท์เสร็จแล้ว ก็ได้เวลาไปหามื้อเย็น ซึ่งที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จะมีร้านอาหารใหญ่ ๆ อยู่ถึง 3 ร้าน รับรองว่าไม่อด เมื่อทานอาหารแล้ว ก็มาอาบน้ำ (เย็นมาก) และรีบเข้านอนเพราะเหนื่อยจากการเดินทางและกางเต็นท์ สรุปว่าวันแรกนี้ไม่ได้เที่ยวไหน ใช้เวลาเดินทาง และกางเต็นท์ก็หมดวันแล้ว

ตกดึก เพื่อนที่นอนเต็นท์เดียวกันปลุกให้ไปเข้าห้องน้ำหลายรอบเลย และบ่นว่าหนาว เราจึงสลับที่ กับเพื่อน เพราะตอนแรกคาดการณ์ว่า เป็นเพราะฝั่งที่เพื่อนนอน เป็นฝั่งรับลม เลยน่าจะหนาวกว่า ซึ่งพอเราไปนอนดู ก็ไม่หนาวเท่าไหร่ แต่ก็หลับไม่สนิทเหมือนตอนแรกที่หลับได้แล้ว

อีกอย่างหนึ่งที่เราได้ประสบการณ์คือ ที่ ๆ เรากางเต็นท์ ไม่ใช่ที่เรียบ มีความเอียงลงประมาณ 5 องศา เวลานอนก็จะไหลลงหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

ตอนกลางคืนที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำ  ได้เหงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า เห็นดาวอยู่เต็มฟ้าเลย แต่ดื่มด่ำ ดูดาวได้ไม่นานก็ต้องรีบวิ่งเข้าเต็นท์ เพราะอากาศหนาวมากๆ

– จบบันทึกการท่องเที่ยวของวันนี้ –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *