เช้าวันนี้ ตื่นเช้ามา และรับประทานมื้อเช้าง่าย ๆ โดยต้มน้ำร้อนที่รีสอร์ทมีให้ กับขนมปัง และขนมที่เตรียมไว้ในวันก่อนหน้า ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของรีสอร์ทนี้ คือด้านหลัง มีที่นั่งผ่อนคลายอารมณ์ เราจึงไปกินข้าวเช้า เปิดเพลงเบา ๆ ที่ด้านหลังรีสอร์ท จำได้ว่า คุยกับเพื่อนว่าเจ้าของรีสอร์ทน่าจะเป็นคนเอาใจใส่ เพราะสภาพแวดล้อมสะอาด มีต้นไม้สวยงาม มีการติดกล้องวงจรปิด ดูสงบเงียบและปลอดภัยดี
พอกินข้าวเสร็จ ก็ Check out และเดินทางต่อ ตอนแรกวางแผนว่า จากแยกแค้มป์สน จะแวะดูสวน ดูดอกไม้ แถว ไร่บีเอ็น ทุ่งดอกคอสมอส ฯลฯ แล้วก็เทียวบริเวณเขาค้อ ปักหมุดไว้ที่ เจดีย์กาญจนาภิเษก จุดชมวิวทะเลหมอก อำเภอเขาค้อ หรือวนเข้าไปดูอนุสาวรีย์ผู้เสียสละ เขาค้อ ฐานอิฐ (Itthi Military Base) พิพิธภัณฑ์อาวุธ วนเที่ยวเป็นวงกลม แถว ๆ เขาค้อ แล้วลงไปพักที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ พร้อมถอดใจความฝันการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแสลงหลวง ซึ่งเป็นหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่เราคาดหวังไว้ตั้งแต่เด็ก เพราะน่าจะใช้เวลาในขณะที่เวลาเรามีอยู่อย่างจำกัด
แต่พอถึงเวลาจริงนั้น พอขับรถถึงไร่บีเอ็น ส่งสัญญาณไฟเลี้ยวแล้ว สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เพราะมองเข้าไป ก็ไม่น่าจะได้เที่ยวอะไรมาก ได้แวะถ่ายรูปกับดอกไม้ เก็บสตรอเบอร์รี่ ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่แนวเรา สุดท้าย เราปักหมุดท่องเที่ยวไปที่ น้ำตกศรีดิษฐ์ ซึ่งศึกษามาว่าเป็นน้ำตกชั้นเดียว ตั้งชื่อตามนามสกุลของทหารซึ่งมีวีรกรรมเมื่อครั้งตู้สู้กับคอมมิวนิสต์ ผู้สูงอายุสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้
ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อ (น้ำตกศรีดิษฐ์)
เลี้ยวเข้าทางเข้า หลังจากนั้น เข้าที่จอดรถ แวะเข้าห้องน้ำ ที่นี่ห้องน้ำอยู่สูง ต้องเดินขึ้นไป ห้องน้ำสะอาดพอใช้ ลงมาจากห้องน้ำ และเข้าสู่ทางเข้า เมื่อจ่ายค่าเข้าชมเสร็จ คนละ 70 บาท (รวมค่ายานพาหนะ) จากนั้น ก็เดินทางเข้าสู่น้ำตกศรีดิษฐ์ ซึ่งถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า ไม่ไกล เดินประมาณ 100-200 เมตรก็ถึง
จากทางเข้า จะมีร้านค้าขายข้างทาง ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านขายไก่ย่างส้มตำ พ่อค้าแม่ค้าแถวนี้แต่งตัวเหมือนชาวเขา แต่เราก็ไม่ได้ศึกษาประวัติมากว่า เป็นชาวเขาจากทางไหน
พอเดินไปได้สักระยะหนึ่ง เราจะเห็นดงไผ่ ต้นไผ่สีเขียว เหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้ อากาศดีมาก
เดินไปอีกนิดเราจะพบกับ พลับพลาที่ประทับทรงงาน เมื่อครั้งที่ในหลวง – พระราชินี รัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 เสด็จราชดำเนินมาที่นี่ ซึ่งอยู่ทางขวามือ ถ้ามาจากทางเข้า
เดินเข้าไปอีกหน่อย ก็เป็นน้ำตกศรีดิษฐ์ ซึ่งเป็นน้ำตกชั้นเดียว แต่ที่แปลกคือหินด้านหลังน้ำตก ซึ่งเป็นหินสี่เหลี่ยม คล้ายตัดเป็นก้อน ๆ นำมาต่อกัน ดูแล้วแปลกตาดี เหมือนน้ำตกที่สร้างขึ้นมา แต่จริง ๆ แล้วเป็นน้ำตกตามธรรมชาติ
ทางใกล้ ๆ กันเป็นทางเดินไปสู่ด้านล่างของน้ำตก ซึ่งเราตัดสินใจไม่เดินไปด้านล่างต่อ ได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านบนจนพอใจแล้ว ก็เดินกลับ
ในช่วงเดินกลับ ได้แวะเดินไปดูพลักพลาที่ประทับทรงงาน และเห็นว่ามีต้นสนที่ ในหลวง – พระราชินี รัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงปลูก ทำให้คิดได้ว่า แม้ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเสด็จสวรรคตไปแล้ว แต่การปลูกต้นไม้ตามสถานที่ต่าง ๆ และครั้งนี้เราได้เห็นต้นไม้ที่ทรงปลูกทำให้เห็นความสำคัญของป่าไม้ และกว่าจะปลูกได้เป็นต้นไม้ต้นใหญ่นั้นต้องใช้เวลา
หลังจากชื่นชมต้นไม้ทรงปลูกได้สักระยะแล้ว เราก็เดินกลับทางเดิมมาที่รถ ผ่านร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับ แต่ก็ไม่ได้แวะรับประทานอาหารกลางวัน
จากนั้นเพื่อนได้ชวนให้ไปเที่ยวต่ออุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งเป็นความฝันของเรา ซึ่งจากน้ำตกศรีดิษฐ์ก็ถือว่าไม่ไกลแล้ว จึงตัดสินใจไปต่อ ถ้าที่นั่นกางเต็นท์ พออยู่ได้ ก็กางเต็นท์แวะพักที่นั่น หรือถ้าไม่ไหว ก็ไปนอนที่อ.เมืองเพชรบูรณ์ตามแผน
ก่อนออกรถ เราแวะกินขนมที่ซื้อตุนมาสักเล็กน้อย จากนั้นก็เดินทางต่อสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
ระหว่างทาง เจอต้นไม้ และมีดอกคล้ายดอกหญ้า สูง ๆ สภาพแวดล้อมข้างทางดูเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช้ป่าไม้สูง ๆ ดังเช่นกับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าที่เราผ่านมา เป็นสัญญาณว่าเราจะเดินทางเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ทุ่งหญ้าสะวันนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กันแล้ว
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร จะเล่าไว้ในบันทึกการเดินทาง บันทึกการเดินทาง 29 ธันวาคม 2564 (2)